ความรู้ (Knowledge)
ในทัศนะของฮอสเปอร์นับว่าเป็นขั้นแรกของพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการจดจำ
ซึ่งอาจจะโดยการนึกได้ มองเห็น ได้ยิน หรือ ได้ฟัง ความรู้นี้
เป็นหนึ่งในขั้นตอนของการเรียนรู้ โดยประกอบไปด้วยคำจำกัดความหรือความหมาย
ข้อเท็จจริง ทฤษฎี กฎ โครงสร้าง วิธีการแก้ไขปัญหา และมาตรฐานเป็นต้น
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ความรู้เป็นเรื่องของการจำอะไรได้ ระลึกได้
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดที่ซับซ้อนหรือใช้ความสามารถของสมองมากนัก ด้วยเหตุนี้
การจำได้จึงถือว่าเป็น กระบวนการที่สำคัญในทางจิตวิทยา
และเป็นขั้นตอนที่นำไปสู่พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเข้าใจ
การนำความรู้ไปใช้ในการวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินผล
ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ได้ใช้ความคิดและความสามารถทางสมองมากขึ้นเป็นลำดับ
ส่วนความเข้าใจ (Comprehension) นั้น ฮอสเปอร์ ชี้ให้เห็นว่า
เป็นขั้นตอนต่อมาจากความรู้
โดยเป็นขั้นตอนที่จะต้องใช้ความสามารถของสมองและทักษะในชั้นที่สูงขึ้น
จนถึงระดับของการสื่อความหมาย ซึ่งอาจเป็นไปได้โดยการใช้ปากเปล่า ข้อเขียน ภาษา
หรือการใช้สัญลักษณ์ โดยมักเกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลได้รับข่าวสารต่างๆ แล้ว
อาจจะโดยการฟัง การเห็น การได้ยินหรือเขียน
แล้วแสดงออกมาในรูปของการใช้ทักษะหรือการแปลความหมายต่างๆ เช่น
การบรรยายข่าวสารที่ได้ยินมาโดยคำพูดของตนเองหรือการแปลความหมายจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง
โดยคงความหมายเดิมเอาไว้ หรืออาจเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อสรุปหรือการคาดคะเนก็ได้
(วิกิพีเดีย. 2550)
1. ความหมายของความรู้ ความรู้เป็นการเรียนรู้ที่เน้นถึงความจำและการระลึกได้และประสบการณ์ต่างๆ
ซึ่งเป็นความจำที่เริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ
ที่เป็นอิสระแก่กันไปจนถึงความจำในสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนและมีความหมายแก่กัน
ประภาเพ็ญ สุวรรณ (2520
: 16) ให้ความหมายว่าความรู้เป็นพฤติกรรมขั้นต้น
ซึ่งผู้เรียนเพียงแต่จำได้อาจจะโดยการนึกได้หรือโดยการมองเห็นหรือได้ยินความรู้ขั้นนี้
ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับคำจำกัดความ ความหมาย ข้อเท็จจริง ทฤษฎี กฎ
โครงสร้างและวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นต้น ในขณะที่วิชัย
วงษ์ใหญ่ (2523 : 130) ให้ความหมายของความรู้ว่าเป็นพฤติกรรมเบื้องต้นที่ผู้เรียนสามารถจำได้หรือระลึกได้โดยการมองเห็นได้ยินความรู้ในที่นี้ คือ
ข้อเท็จจริง กฎเกณฑ์ คำจำกัดความ
เป็นต้น
ชวาล แพรัตกุล
(2526 : 201) ได้ให้ความหมายของความรู้ว่า
เป็นการแสดงออกของสมรรถภาพสมองด้านความจำ
โดยใช้วิธีระลึกออกมาเป็นหลัก
และจิตรา วสุวานิช (2528 : 6) ได้ให้ความหมายของความรู้ว่า เป็นการจำข้อเท็จจริง เรื่องราว
รายละเอียด ที่ปรากฏในตำรา หรือสิ่งที่ได้รับการบอกกล่าวได้
จากความหมายดังกล่าวสรุปได้ว่าความรู้
หมายถึง การที่บุคคลสามารถจดจำ
รับรู้ข้อมูล
ข้อเท็จจริงกฎเกณฑ์ต่างๆ
ซึ่งเกิดจากการค้นคว้า การสังเกตและประสบการณ์ที่ต้องอาศัยเวลา สามารถแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมโดยสามารถสังเกตได้
วัดได้ และถ่ายทอดให้บุคคลอื่นรับทราบ
2. การวัดความรู้ เครื่องมือในการวัดความรู้มีหลายชนิด
แต่ละชนิดก็เหมาะสมกับการวัดความรู้ตามคุณลักษณะซึ่งแตกต่างออกไปในที่นี้จะกล่าวถึงเครื่องมือที่ใช้วัดความรู้ที่นิยมใช้กันมากคือ แบบทดสอบหรือแบบวัดซึ่ง (ไพศาล หลังพานิช. 2526 :
35-36) ได้จำแนกรูปแบบทดสอบหรือแบบวัดได้ 3
ลักษณะ คือ
1) ข้อสอบปากเปล่า
เป็นการทดสอบโดยโต้ตอบด้วยวาจาหรือคำพูดระหว่างผู้ทำการสอบกับผู้สอบโดยตรง หรือบางครั้งเรียกว่า การสัมภาษณ์
2) ข้อสอบข้อเขียน สามารถแบ่งออกเป็น 2
แบบคือ
(1) แบบความเรียงเป็นแบบที่ต้องการให้ผู้ตอบอธิบาย
บรรยาย ประพันธ์ หรือวิจารณ์เรื่องราวที่เกี่ยวกับความรู้นั้น
(2) แบบจำกัดคำตอบเป็นข้อสอบที่ใช้ผู้ถูกพิจารณา เปรียบเทียบตัดสิน ข้อความหรือรายละเอียดต่างๆ ซึ่งมีอยู่
4 แบบ คือ
แบบถูก-ผิด
แบบเติมคำ แบบจับคู่ แบบเลือกตอบ
3) ข้อสอบภาคปฏิบัติ เป็นข้อสอบไม่ต้องการให้ตอบสนองด้วยคำพูด แต่มุ่งให้แสดงพฤติกรรมจริง
การวัดความรู้ในการศึกษาครั้งนี้ใช้แบบทดสอบแบบให้เลือกตอบถูก-ผิดเป็นเครื่องมือในการวัดความรู้ในประเด็นความรู้เกี่ยวกับมูลฝอยและการจัดการมูลฝอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น